วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

ไทใหญ่ หรือ ฉาน (SHAN)

ไทใหญ่ หรือ ฉาน  (SHAN)

ไทใหญ่ หรือ ฉาน (ไทใหญ่: ไต๊, พม่า: ရ္ဟမ္‌းလူမ္ယုိး; IPA: [ʃán lùmjóʊ]; จีนตัวย่อ: 掸族; พินอิน: Shàn zú) คือกลุ่มชาติพันธุ์ในตระกูลภาษาไท-กะได ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่อันดับสองของพม่า ส่วนมากอาศัยในรัฐฉาน ประเทศพม่าและบางส่วนอาศัยอยู่บริเวณดอยไตแลง ชายแดนประเทศไทย-ประเทศพม่า คนไทใหญ่ในประเทศพม่ามีประมาณ 3 หรือ 4 ล้านคน แต่มีไทใหญ่หลายแสนคน ที่ได้อพยพเข้าสู่ประเทศไทยเพื่อหนีปัญหาทางการเมืองและการหางาน ตามภาษาของเขาเองจะเรียกตัวเอง ไต หรือ ไต (ตามสำเนียงไทย) พี่น้องไตในพม่ามีหลายกลุ่ม เช่น ไตขืน ไตแหลง ไตคัมตี ไตลื้อ และ ไตมาว แต่กลุ่มใหญ่ที่สุดคือ ไตโหลง ไต = ไท และ โหลง (หลวง) = ใหญ่ ซึ่งคนไทยเรียก ไทใหญ่ เหตุฉะนั้นจะเห็นได้ว่าภาษาไต และภาษาไทยคล้ายกันบ้างแต่ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีคำเรียกไทใหญ่อีกอย่างว่า เงี้ยว แต่เป็นคำที่ไม่สุภาพในการเอ่ยถึงชาวไทใหญ่

ชาวไทใหญ่ถือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เป็นวันชาติ

เมืองหลวงของรัฐฉานคือ ตองยี ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆมีประชากรประมาณ 150,000 คน ส่วนเมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ สีป้อ ล่าเสี้ยว เชียงตุง และท่าขี้เหล็ก

ชาวไทใหญ่ทั้งหมดสามมารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มดังนี้
1. ชาวไทใหญ่ หรือไทหลวง(ไตโหลง)
2. ชาวไทลื้อ มีถิ่นฐานอยู่ในแค 
ว้นสิ

บสองปันนาของประเทศจีน และทางตะวันออกของรัฐฉาน
3. ชาวไทเขิน(ไตขึน) เป็นประชากรส่วนใหญ่ของเมืองเชียงตุง
4. ชาวไทเหนือ(ไตเหลอ) อาศัยอยู่ในแค้วนใต้คง(เต้อหง) ของประเทศจีน 
ในประวัติศาสตร์ไทใหญ่เต็มไปด้วยเรื่องราวสงคราม และประวัติศาสตร์ระยะใกล้ก็ถูกพม่ากดไว้ จนการเรียนประวัติศาสตร์ของชาวไทใหญ่กลายเป็นวิชาต้องห้ามการเรียนประวัติศาสตร์ของชาวไทใหญ่เป็นเรื่องต้องห้ามตั้งแต่สมัยอังกฤษปกครอง โดยไม่ยอมให้วิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาบังคับ เมื่อพม่ากลับมามีอำนาจเหนือดินแดนรัฐฉานจึงสืบทอดเรื่องนี้ต่อไป  ชาวไทใหญ่ต้องเรียนภาษาพม่า เรียนทุกวิชาเป็นภาษาพม่า แม้ผู้ที่ไม่ได้โรงเรียน เข้าวัด แต่ระเบียบพิธี และพิธีกรรมต่างๆ เป็นแบบพม่า และใช้ภาษาพม่าทั้งหมด
อิทธิพลทางวัฒนธรรมของพม่าในไทใหญ่จึงมีมาก ซึ่งเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ด้วย โดยอิทธิพลทางวัฒนธรรมของพม่ายังเป็นสิ่งสืบเนื่องจากทางการเมืองอีกด้วย กล่าวคือเมื่อพม่าเป็นใหญ่ขึ้นมาก็จะเกณฑ์ให้เจ้าฟ้าไทใหญ่ส่งลูกสาวและลูกชายไปเมืองหลวงพม่า เจ้าหญิงเจ้าชายเหล่านี้จึงได้รับวัฒนธรรมพม่ามาอย่างไม่รู้ตัว และนำกลับมาเผยแพร่แก่ประชาชนไทใหญ่ในรูปแบบของภาษา ดนตรี นาฏศิลป์ และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เช่น เกิดความนิยมว่า วรรณคดีที่ไพเราะซาบซึ้งควรมีคำพม่าผูกผสมผสานกับคำไท ความเป็นพม่าจึงครอบกรอบสังคมไทใหญ่
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN
ไทใหญ่ ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ รัฐฉาน SHAN

แม้ภาษาไทใหญ่รัฐฉานที่อนุญาตให้สอนในอดีตนั้น ภาษาไทใหญ่เป็นเพียงวิชาเลือก มีการเรียนแต่ไม่มีการสอบ ถึงมีการสอบก็ไม่มีการเอาคะแนนไปสะสม แต่ว่าไทใหญ่ก็จะเดือดร้อนมาก เพราะใช้ภาษาของตนเองไม่ได้เต็มที่ การเรียนหนังสือก็เรียนภาษาพม่าซึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งซึ่งไม่คล้ายคลึงกันมาก การเรียนรู้ให้ดีทั้งสองภาษาจึงเป็นไปได้ยาก และเพราะเหตุที่ชาวไทใหญ่ละเลยภาษาของตนเองมานานนี้เอง
การดำรงความเป็นปึกแผ่นในชาติไทใหญ่จึงเป็นไปได้ยากเจ้าขุนสาม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมรัฐฉานในอดีต เคยออกสำรวจคนไทในพม่า พบว่ามีคนไทใหญ่พูดภาษาไทใหญ่มากมายหลายแห่ง แต่ไม่ได้จำนวนที่แน่นอน เพราะคนไทเหล่านั้นจะเรียกตนเองว่าเป็นพม่า พูดภาษาพม่า แต่งกายเป็นพม่า แต่งตัวเป็นพม่า จนกว่าจะไปถึงบ้าน จึงสามารถรู้ได้ว่าพวกเขารักษาภาษา และวัฒนธรรมไทใหญ่ไว้ได้แค่ไหน